![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkPJRkRTb_4J7wOHvgCEL9Jw7vteLEfP60oxEZMvUVpZwSlcezuPcKk-9OsS8vNXsUb8ZNod6sn4uKl0mKkM8IxkXg8rgmX_4nZ_2nEejwr-N_NP2jFi9SP0b6MgYOEPJDtHuxo5ka72R2/s320/climaticregions.jpg)
เนื่องด้วยตำแหน่งที่ตั้งและขนาดของประเทศที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้อินเดียมีลักษณะอากาศที่หลากหลายและแตกต่างกันไปตามพื้นที่(ดูจากแผนที่เขตภูมิอากาศ) ก่อนอื่น เราจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจกับทำเลที่ตั้งของประเทศอินเดียเสียก่อน อินเดียตั้งอยู่ระหว่างละติจูดที่ 8°4' ถึง 37°6' เหนือ และ ลองจิจูด 68° 7' and 97° 25' ตะวันออก จากตำแหน่งนี้ทำให้อินเดียทอดตัวยาวจากเหนือจดเหนือ จากเขตใกล้เส้นศูนย์สูตร (Equator) ผ่านเส้นรุ้งที่ 23.5 องศา หรือเส้น Tropic of Cancer ไปจนถึงเหนือสุดที่เส้นรุ้งที่ 37
สภาพอากาศจากเหนือจรดใต้จึงค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก
นอกจากทำเลที่ตั้งแล้วความใกล้ไกลทะเลและลมมรสุมที่พัดผ่านก็เป็นอีกปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของอินเดีย เขตที่อยู่ห่างไกลจากทะเลจะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแห้งแล้ง โดยเฉพาะด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งเป็นเขตทะเลทราย (ทะเลทราย Thar) ในขณะเดียวกันพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านรับลมจะมีฝนตกชุกมากในฤดูมรสุม โดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดียที่เป็นด้านรับลมมรสุมที่พัดมากจากทะเลอาราเบียน ตัวอย่างเช่น เมืองมุมไบ ที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคมถึง 868 มิลลิเมตร โดยฝนจะตกลากยาวมาตั้งแต่เดือนมิถุนาไปจนถึงกันยายน
อีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญที่กำหนดลักษณะอากาศของอินเดียคือ เทือกเขาหิมาลัย ที่ทอดตัวอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นตัวขวางกั้นความหนาวเย็นจากเอเชียกลางตอนใน ทำให้อินเดียอบอุ่นกว่าพื้นที่อื่นๆที่อยู่ในแนวละติจูดเดียวกัน และเทือกเขาหิมาลัยนี่เองที่ทำให้คนที่มาเที่ยวอินเดียสามารถมาดูหิมะตกได้ในฤดูหนาวและพบกับภูมิทัศน์ที่สวยงามแบบสุดๆ เมืองที่นักท่องเที่ยวชอบไปก็อย่างเช่น Shimla, Dharamsala เป็นต้น
ผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวอินเดียและอยากรู้เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศของอินเดียสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก climate of India และ World Weather Information Service
สภาพอากาศจากเหนือจรดใต้จึงค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก
นอกจากทำเลที่ตั้งแล้วความใกล้ไกลทะเลและลมมรสุมที่พัดผ่านก็เป็นอีกปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของอินเดีย เขตที่อยู่ห่างไกลจากทะเลจะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแห้งแล้ง โดยเฉพาะด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งเป็นเขตทะเลทราย (ทะเลทราย Thar) ในขณะเดียวกันพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านรับลมจะมีฝนตกชุกมากในฤดูมรสุม โดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดียที่เป็นด้านรับลมมรสุมที่พัดมากจากทะเลอาราเบียน ตัวอย่างเช่น เมืองมุมไบ ที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคมถึง 868 มิลลิเมตร โดยฝนจะตกลากยาวมาตั้งแต่เดือนมิถุนาไปจนถึงกันยายน
อีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญที่กำหนดลักษณะอากาศของอินเดียคือ เทือกเขาหิมาลัย ที่ทอดตัวอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นตัวขวางกั้นความหนาวเย็นจากเอเชียกลางตอนใน ทำให้อินเดียอบอุ่นกว่าพื้นที่อื่นๆที่อยู่ในแนวละติจูดเดียวกัน และเทือกเขาหิมาลัยนี่เองที่ทำให้คนที่มาเที่ยวอินเดียสามารถมาดูหิมะตกได้ในฤดูหนาวและพบกับภูมิทัศน์ที่สวยงามแบบสุดๆ เมืองที่นักท่องเที่ยวชอบไปก็อย่างเช่น Shimla, Dharamsala เป็นต้น
ผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวอินเดียและอยากรู้เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศของอินเดียสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก climate of India และ World Weather Information Service